BPK9 จัดสัมมนาให้ความรู้ไวรัสโคโรนา
ด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงการส่งต่อข้อมูลเท็จกันอย่างแพร่หลายในโลกสังคมออนไลน์ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล จึงจัดสัมมนาวิชาการ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคปอดบวมอู่ฮั่น” ขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อข้อมูล ทำความเข้าใจ และเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างมีสติ โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคตับ ทางเดินอาหาร และโรคไวรัส ณ ห้องประชุม ชั้น 6 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ได้มีนโยบายในการติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือ “โรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” อย่างใกล้ชิด ดังต่อไปนี้
- มีคณะกรรมการควบคุม และป้องกันการติดเชื้อของโรงพยาบาล
- ติดตามข้อมูลข่าวสารประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขและภาครัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
- มีแนวทางปฏิบัติและระบบการคัดกรอง สำหรับแพทย์ พยาบาลและบุคลากร เพื่อเตรียมพร้อมกรณีหากมีผู้ป่วยที่มีอาการของผู้ป่วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อโคโรนาไวรัส ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
- สร้างการตระหนักรู้และแนวทางปฏิบัติแก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรรับทราบ
- มีจุดคัดกรองเบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
- มีจุดบริการเจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยและผู้มาใช้บริการ
ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคตับ ทางเดินอาหาร และโรคไวรัส ได้วิเคราะห์เหตุผล เรื่องการระบาดอย่างรวดเร็วของโรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าโรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก รวดเร็วกว่า SARS หลายเท่า โรค SARS เริ่มเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน กว่าจะไปเริ่มระบาดจริงๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ และระบาดมากในมีนาคม เมษายน 2003 ก็ไม่เร็วเท่าโรคปอดบวมอู่ฮั่น สาเหตุที่เชื่อว่าโรคนี้จะระบาด เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- การระบาดในประเทศจีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่รู้ว่า มีผู้ป่วยปอดบวมพร้อมกัน 41 คน ในขณะนั้นการระบาดเป็นการรับช่วง จากผู้ป่วยส่งต่อกันมาถึงระดับที่ 4 หมายถึง ผู้ป่วยคนแรกไม่น่าจะมาจากตลาดขายของสด ในช่วงเวลาขณะนั้น มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่ได้สัมผัสตลาดนี้เลย
- ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า 1% หรืออาจจะอยู่ที่ 1 ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า 100 คนไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น และยอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะมีมากกว่าผู้ป่วยที่รายงานมาก ตัวเลขอัตราการตาย ก็จะค่อยๆลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี 2009
- การนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า อีก 1 - 2 เดือนต่อไป ก็จะไม่มีการนับแล้วเช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน พอไปถึงระยะหนึ่งก็เลิกนับจำนวน
- เมื่อโรคมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้ มีการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว
- ขณะนี้ มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีน เกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น เวียดนาม ญี่ปุ่นและเยอรมัน ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศต่อไป
- ความรุนแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ การระบาดจึงเหมือนไข้หวัดใหญ่ ที่พร้อมจะกระจายข้ามทวีป และกระจายไปทั่วโลก อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็กระจายไปทั่วโลก
“ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสขนาดใหญ่ที่สามารถพบได้ทั้งในคนและสัตว์ เป็นสาเหตุของโรคหวัดและทางเดินหายใจอักเสบ แต่ไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดในขณะนี้ หรือที่เรียกว่า โรคปอดบวมอู่ฮั่น เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อมาจากตลาดสดที่ขายสัตว์ที่มีชีวิต และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ รวมไปถึงโรคปอดบวม และโรคแทรกซ้อนต่างๆ
โดยทั่วไปไวรัสโคโรนา จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 - 7 วัน และจะเฝ้าสังเกตอาการประมาณ 14 วัน ซึ่งมีลักษณะอาการที่ต้องสงสัย ดังต่อไปนี้ 1. มีไข้ ตัวร้อนสูง, 2. มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ และหายใจลำบาก, 3. ในกรณีที่รุนแรง จะปอดบวมและอักเสบ อาจเป็นสาเหตุให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ ผู้ที่มีอาการจะต้องรับการวินิจฉัยโรคเพื่อตรวจหาพันธุกรรมของไวรัสทางห้องปฏิบัติการ แต่บางรายอาจไม่มีอาการ ทำให้สามารถแพร่กระจายเชื้อโรคในวงกว้างได้ และในปัจจุบันยังไม่มียาต้านและวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัส การป้องกันที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งกล่าวแนะนำเพิ่มเติม ให้ผู้ที่ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคทางเดินหายใจ โดยจะต้องใส่หน้ากากอนามัยให้แนบสนิท ซึ่งหน้ากากอนามัย N95 สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ถึงร้อยละ 95 รวมถึงต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคสัมผัสโดนผิวหน้าของตนเอง พร้อมเสนอแนะให้ผู้บริโภครู้เท่าทันสื่อ และรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีข่าวปลอมกระจายอยู่ในสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก”
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1745
“Heart of Care” ดูแลด้วยหัวใจ
“Heart of Care” ดูแลด้วยหัวใจ